12 ธันวาคม 2560
Highlight
กว่าจะได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เปลี่ยนแปลงโลกจนกลายเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพได้ในที่สุดอย่าง Uber, AirBnb หรือ FLOWACCOUNT ต่างก็ใช้เวลาในการควานหาคำตอบหลายปี และเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งคงเป็นความเสี่ยงเกินไปที่จะควักกระเป๋าตัวเองมาใช้หมุนเวียนก่อน แล้วหวังกำไรกลับมาในวันที่สร้างผลิตภัณฑ์สำเร็จ หรือบางทีก็ไม่มีทางเพียงพอต่อขยายไอเดียเล็กๆ ให้เขย่าโลกอย่าง Facebook ที่คงมาไม่ถึงทุกวันนี้หากมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กยังฝืนที่จะหารายได้ทางตรงจากผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
จึงเป็นที่มาของอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับการผลักดันไอเดียใหญ่ยักษ์ของเรา ให้กลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในสเกลใหญ่อย่างที่ฝัน นั่นก็คือ Pitching หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือการนำเสนอแผนธุรกิจหรือไอเดียแก่นักลงทุน เพื่อเชื้อเชิญให้พวกเขานำเงินทุนก้อนใหญ่มาลงทุนร่วมกับเรา
มีตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจจาก Unitus Seed Fund ซึ่งเป็นกองทุนหนี่งในอินเดีย เขาบอกว่า 4 ปีให้หลังมานี้มีทีมเข้า pitch มากกว่า 3,000 ทีม แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง 25 ทีมเท่านั้นที่พวกเขาตัดสินใจลงทุนด้วย ซึ่งเหตุผลง่ายๆ ที่พวกเขาหรือนักลงทุนจะไม่ลงทุนกับคุณก็คือ เขามองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่ธุรกิจของคุณจะไปรอด
“อะไรกัน! แค่พูดคุยกันไม่กี่นาที
คนเหล่านี้จะเอาอะไรมาตัดสินธุรกิจของเราว่าจะรอดหรือไม่รอด?”
เราจึงรวบรวมคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญขีดเส้นใต้ไว้ว่า คุณควรจะตอบสิ่งเหล่านี้กับนักลงทุน (รวมทั้งตัวเอง) ให้ได้ในการ pitching เพื่อเพิ่มโอกาสในการคว้าเงินทุน
คำถามเกี่ยวกับทีมของคุณ
จริงอยู่ว่าทีมของคุณก็คงต้องมีความสามารถระดับหนึ่ง จนได้รับโอกาสเข้าเสนองานกับนักลงทุน แต่มากกว่าความสามารถแล้ว นักลงทุนก็ย่อมอยากจะรู้ว่าเขากำลังเชื่อใจถูกคนหรือไม่ และกำลังจะต้องทำงานกับคนแบบไหน
คำถามเกี่ยวกับแรงดึงดูดของธุรกิจคุณ
สำหรับในช่วงแรก นักลงทุนยังไม่ได้มองหาธุรกิจที่มีแผนการตลาดหรือสินค้าและบริการที่ดีเยี่ยม แต่กลับมองหาบริษัทที่มีการทดลองแล้วว่าผลิตภัณฑ์ตัวอย่างนั้นมีตลาดรองรับอยู่จริง
ความยั่งยืนของเอกลักษณ์ในผลิตภัณฑ์หรือบริษัทของคุณ
คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าคู่แข่งของคุณจะไม่เกิดขึ้นหรือแซงคุณไปในระหว่างที่นักลงทุนกำลังจะยื่นเงินให้คุณ นี่เป็นคำถามที่คุณจะตอบให้ได้
“ผู้ประกอบการควรจะรู้สิ่งที่ต้องการ ระยะเวลาที่ควรจะได้มา จากนั้นจึงมองหานักลงทุนที่สามารถกลบและแก้ไขจุดด้อยของเราได้ด้วยเงิน กลยุทธ์ หรือความรู้”
—Daymond John ผู้ประกอบการ
วิธีรับมือกับคู่แข่ง
หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีคู่แข่งในตลาดเดียวกัน แต่หากจะชนะก็ต้องมีข้อมูลและแผนการ อย่างน้อยก็ต้องรู้ทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง ทั้งของเขาและของเรา
ธุรกิจของคุณจะส่งแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างไร
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะอยากสนับสนุนธุรกิจที่สามารถสร้างเงินมหาศาลและมีแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อคนวงกว้าง พวกเขามองหากลุ่มคนที่มีความทะเยอทะยานไม่หยุดยั้ง ฉะนั้นจงแสดงให้พวกเขาเห็น
คำถามเกี่ยวกับขนาดธุรกิจ
สำคัญและแทบจะเป็นคำถามพื้นฐานที่คุณควรตอบให้ได้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณจะสามารถเติบโตได้มากแค่ไหน (อย่างน้อยก็ต้องสิบเท่าภายใน 5-7 ปี) และจะยั่งยืนแค่ไหน
คำถามเกี่ยวกับหน่วยเศรษฐกิจของธุรกิจ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารที่ดีควรจะหายใจเข้าออกเป็นสภาพการเงินของบริษัทตลอด ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคาร ต้นทุนในการสร้างลูกค้าใหม่ ความถี่ในการบริโภคซ้ำของลูกค้า หรือแม้แต่รายจ่ายในแต่ละเดือน เพราะสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ชี้ชัดการอยู่รอดของธุรกิจ
คำถามเกี่ยวกับการหาทุนในระยะถัดไป
การลงทุนของนักลงทุนจะสำเร็จก็ต่อเมื่อธุรกิจนั้นเติบโตและเพิ่มคุณค่าทางการตลาดได้สำเร็จ แต่ในบางธุรกิจที่คิดการใหญ่ การหาทุนในครั้งแรกนั้นอาจใช้แรงกระเพื่อมบางอย่างให้นักลงทุนเจ้าใหญ่ๆ หันมาสนใจ และเข้ามาลงทุนเพิ่ม
จุดหมายปลายทางของธุรกิจนี้
นักลงทุนมีความคาดหวังในการหาหนทางที่จะสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือยังไงก็ต้องไปต่อ ไปให้ได้ไกลขึ้นอยู่เรื่อยๆ
คำถามเกี่ยวกับการลงทุน
แน่นอนว่านักลงทุนก็ต้องอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ใช่นักลงทุนรายแรก จึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะอยากรู้ข้อมูลของนักลงทุนรายอื่นที่คุณกำลังติดต่ออยู่ หรือเป็นนักลงทุนรายก่อนหน้า เพราะนี่ไม่ใช่แค่การทุ่มเงินให้กัน แต่เป็นการร่วมงาน ฉะนั้นนักลงทุนทุกเจ้าต่างก็มีกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนกัน
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญสรุปไว้อย่างน่าสนใจ แม้จะยังไม่ถึงวันที่คุณเดินเข้าไปยื่นเสนอโครงการกับนักลงทุนก็ตาม แต่คำถามเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่คุณและทีมควรตอบตัวเองให้ได้ เพราะปัจจัยเหล่านี้นี่เองที่จะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดไปอีกหนึ่งวัน